ไมโครซอฟท์ประกาศ Microsoft Teams เวอร์ชันใหม่ ที่ยกเครื่องแอปให้ทำงาน ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ชาญฉลาดขึ้น และยืดหยุ่นมากขึ้น และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Teams ใหม่เวอร์ชันตัวอย่างเร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า แต่ใช้หน่วยความจำน้อยลง 50%
New Teams มุ่งเน้นประสิทธิภาพคุณภาพสูง และการปรับปรุงพื้นฐานในด้านต่างๆ เช่น ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย การจัดการด้านไอที
ผู้ใช้งาน Teams เวอร์ชันเดิมจะทยอยได้รับอัพเดตเป็นเวอร์ชันใหม่อัตโนมัติภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าหากต้องการอัพเดตเป็น New Teams ทันทีสามารถกดเปิดปุ่มใช้งาน New Teams ได้ที่มุมบนซ้ายของแอป
แอปที่เร็วขึ้นซึ่งปรับให้เหมาะกับประสิทธิภาพบนหลายแพลตฟอร์ม
ไมโครซอฟท์สร้าง Teams ใหม่บน React framework เพื่อปรับปรุงความเร็ว และประสิทธิภาพของแอปบน Windows การใช้ Edge WebView2 เป็นโฮสต์ สำหรับแอป Teams ใหม่ช่วยลดการใช้หน่วยความจำ (Memory) และพื้นที่ดิสก์ (Disk Space) New Teams พื้นที่ดิสก์ลดลง 70% เทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนมาใช้พื้นฐานบน WebView2 แทน Electron เดิม
นอกจากนี้ยังเห็นการปรับปรุงประสิทธิภาพบน Mac Teams ที่ได้รับการปรับปรุง แม้ในขณะที่ใช้จอภาพความละเอียดสูงหลายจอในระหว่างการโทรหรือการประชุม การปรับปรุงความปลอดภัยใหม่บางส่วนบน Mac ได้แก่ การปรับปรุงความปลอดภัยของแอพผ่านโมเดลแอพที่มีคอนเทนเนอร์ การอัปเดตแอพที่ง่ายขึ้นผ่าน Microsoft AutoUpdate และการปรับปรุงความปลอดภัยของเว็บ เช่น นโยบายความปลอดภัยของเนื้อหา และอื่นๆ New Teams ยังปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานของผู้ที่ใช้ keyboard shortcuts หรือ screen readers
MTO ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ และทำงานร่วมกับผู้ใช้ที่เหมาะสมด้วยผลการค้นหาบุคคลที่ได้รับการปรับปรุงจาก multiple tenants
New Teams เป็นรากฐานสำหรับ next-generation AI experiences เช่นMicrosoft Copilot. Copilot คุณสามารถปลดล็อกประสิทธิภาพการประชุมของคุณได้โดยใช้ Copilot ในการประชุม Teams เพื่อสรุปประเด็นการอภิปรายที่สำคัญ รวมถึงใครบอกว่าอะไร และที่ไหนที่ผู้คนเห็นตรงกัน หรือไม่เห็นด้วย และเสนอแนะรายการดำเนินการ ทั้งหมดนี้แบบ Real Time ระหว่างการประชุมด้วยการใช้ประสิทธิภาพของ Microsoft Graph
Copilot สามารถค้นหาและใช้ข้อมูลที่ฝังอยู่ใน documents, presentations, emails, calendar invites, notes, และผู้ติดต่อ และรวบรวมทุกอย่างไว้ด้วยกันในแอป Teams ของคุณ
ที่มา : microsoft.com