Edge Computing VS Cloud computing ความแตกต่างสำคัญที่ต้องรู้


2023-01-11 10:39:44

องค์กรทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่กำลังย้ายระบบข้อมูลของตนไปยังระบบคลาวด์อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน 70 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรมีระบบฐานข้อมูล อย่างน้อยหนึ่งไว้ในคลาวด์ ซึงเป็นตัวบ่งชี้ว่าองค์กรต่างๆ กำลังตระหนักถึงประโยชน์ของการประมวลผลแบบคลาวด์ และค่อยๆ ปรับตัวตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา


Edge Computing คืออะไร

Edge Computing หมายถึง การนำการประมวลผลทางกายภาพเข้าใกล้แหล่งข้อมูล หรือผู้ใช้ปลายทางมากขึ้น จะทำให้เวลาแฝงลดลง รวมถึงประโยชน์ที่เป็นไปได้อื่นๆ เช่น ความปลอดภัยที่สูงขึ้น มีศูนย์ข้อมูล Edge อยู่ทุกที่ ตั้งแต่ในสถานที่ของลูกค้าไปจนถึงศูนย์ข้อมูลระดับภูมิภาคขนาดใหญ่ที่ให้บริการลูกค้าหลายร้อยรายในศูนย์ข้อมูลแบบโคโลเคชั่น


Cloud Computing คืออะไร
การประมวลผลแบบคลาวด์ คือการเรียกใช้ปริมาณงานภายในระบบคลาวด์ ในขณะที่การประมวลผลแบบEdge เป็นการเรียกใช้ปริมาณงานบนอุปกรณ์ Edge


Cloud computing ประกอบด้วยส่วนที่เป็น compute, storage และ network ทั้ง 3 ส่วนรวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งจะต้องมี controller เป็นตัวควบคุมทั้งหมด แต่ Edge computing จะตัดเครื่องที่เป็น controller และ network ออกไป ทำให้ต้นทุนติดตั้งถูกลง และ network ย้ายขึ้นไปอยู่ที่ edge switch ซึ่งสื่อสารตรงกับ core switch ที่ส่วนกลาง รวมถึงการปลด controller ออก และใช้ในลักษณะของการลง agent แทน ดังนั้น edge computing จะมีแค่ computing กับ storage เท่านั้น ในรูปแบบของ HCI (Hyper Converged Infrastructure) 


คลาวด์คอมพิวติ้ง ช่วยให้ผู้ใช้ลดต้นทุนการจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลได้อย่างมาก ผู้ให้บริการระบบคลาวด์จัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้ใช้ประโยชน์จากการประหยัดขนาด และให้บริการแก่องค์กรหรือผู้บริโภคด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก มีความน่าเชื่อถือและมอบนวัตกรรมที่ลูกค้าทุกคนได้รับประโยชน์


ความแตกต่างของ Edge Computing กับ  Cloud computing

  • Cloud เป็นสถานที่ที่สามารถจัดเก็บข้อมูล หรือเรียกใช้แอปพลิเคชันได้ เป็นสภาพแวดล้อมที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นโดย Data Center หรือ server farms
  • Edge เป็นที่ที่รวบรวมข้อมูล เป็นสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ภายนอกศูนย์ข้อมูล
  • Cloud computing คือการกระทำ การทำงานของปริมาณงานในระบบคลาวด์
  • Edge Computing ก็เป็นการกระทำเช่นกัน การทำงานของปริมาณงานบนอุปกรณ์ Edge


ข้อดีของการประมวลผลแบบเอดจ์เหนือการประมวลผลแบบคลาวด์

สิ่งสำคัญ คือต้องเข้าใจว่าคลาวด์ และเอดจ์คอมพิวติ้ง (Edge computing) นั้นแตกต่างกัน เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แทนกันไม่ได้ ซึ่ง Edge Computing ใช้เพื่อประมวลผลข้อมูลที่มีความสำคัญต่อเวลา ในขณะที่ Cloud Computing ใช้เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา


Edge Computing มีประโยชน์ในการลดเวลาแฝงทำให้กรณีการใช้งานเป็นไปได้น้อยกว่ามาก เมื่อข้อมูลต้องถ่ายโอนกลับไปยังระบบคลาวด์ทั้งหมด เมื่อการประมวลผลที่ Edge ถูกโฮสต์ในสถานที่ของลูกค้า สิ่งนี้ยังส่งผลให้ความปลอดภัยของข้อมูลสูงกว่าการใช้ระบบคลาวด์ ข้อมูลที่ส่งกลับไปยังคลาวด์มีความเสี่ยงที่จะถูกดักจับโดยแฮ็กเกอร์ 

กระบวนการของ Edge Computing แตกต่างจาก Cloud Computing เพราะบางครั้งอาจใช้เวลาในการส่งต่อข้อมูลไปยังศูนย์ข้อมูลส่วนกลาง ถึง 2 วินาที ทำให้กระบวนการตัดสินใจล่าช้า เวลาแฝงของสัญญาณอาจทำให้องค์กรเกิดความสูญเสีย 


Figure 2: Comparing edge vs cloud computing



Edge Computing แยกจาก Cloud ด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ:


1. ความเร็วของเวลา (Time sensitivity) อัตราที่จำเป็นต่อการตัดสินใจเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าซึ่งโดยปกติจะเกิดขึ้น เนื่องจากข้อมูลถูกรวบรวมโดยอุปกรณ์ Edge ถ่ายโอนไปยังระบบคลาวด์ส่วนกลางโดยไม่มีการดัดแปลง จากนั้นจึงประมวลผลก่อนที่การตัดสินใจจะถูกส่งกลับไปยัง อุปกรณ์เอดจ์เพื่อดำเนินการ

2. ปริมาณข้อมูล (Data volume) ปริมาณข้อมูลที่รวบรวมได้นั้นมากเกินไปที่จะส่งไปยังระบบคลาวด์โดยไม่เปลี่ยนแปลง

Edge Computing จะเข้ามาแทนที่ Cloud Computing หรือไม่

Edge มีประโยชน์ที่แตกต่างจากระบบคลาวด์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเห็นการประมวลผลแบบคลาวด์ จะลดลง ในขณะที่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลยังคงดำเนินต่อไป ตัวแอปพลิเคชันที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะย้ายไปที่ Cloud แต่ในส่วน Edge Computing ก็จะเติบโตมากขึ้นเช่นกัน



ที่มา : stlpartners.com, simplilearn.com , redhat.com