องค์กรต่างๆ พยายามเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย ความต้องการระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องได้กระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นอกเหนือจากกล้องที่คุณภาพสูงแล้ว ก็มีส่วนอื่นที่ได้พัฒนาขึ้นนั่นคือเครื่องบันทึกวิดีโอเครือข่าย (NVR) โดยเฉพาะ Cloud NVR ที่ได้รับการต้อนรับให้เป็นทางเลือกแทนระบบบันทึก และจัดเก็บข้อมูลแบบเดิม เนื่องจากความยืดหยุ่นของคลาวด์ ฟังก์ชันการเข้าถึงระยะไกล และการบำรุงรักษาเครือข่ายที่น้อยมาก
ก่อนที่จะพูดถึง Cloud NVR ต้องรู้ก่อนว่าพื้นฐานว่า NVR คืออะไร และมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง
NVR (Network Video Recorder) เครื่องบันทึกวีดิโอวงจรปิดระบบเครือข่าย คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่บันทึก และจัดเก็บฟุตเทจวิดีโอบนฮาร์ดดิสก์ หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ หรือเก็บข้อมูลบนคลาวด์.
NVR เชื่อมต่อกับกล้องดิจิทัล หรือที่เรียกว่ากล้องอินเทอร์เน็ตโปรโตคอล (IP) เพื่อสร้างระบบเฝ้าระวัง (surveillance system) NVR ไม่มีความสามารถของกล้อง และไม่ประมวลผลวิดีโอ ผู้ใช้งานจะได้รับฟุตเทจของกล้องผ่านการเชื่อมต่อข้อมูลเครือข่าย ซึ่งปกติแล้วจะใช้สายอีเทอร์เน็ต (Ethernet) เมื่อใช้กล้อง Power over Ethernet (PoE) สายอีเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่สองอย่างโดยจ่ายพลังงานให้กับกล้อง และถ่ายโอนข้อมูลไปยัง NVR
ไม่ใช่ NVR ทั้งหมดที่เป็น Cloud NVR NVR แบบดั้งเดิมจะเก็บข้อมูลไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ ส่วน Cloud NVR จะเก็บข้อมูลจากระยะไกล ในที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แทนที่จะใช้อุปกรณ์ NVR จริง ตัวกล้องจะเสียบเข้ากับอุปกรณ์เอดจ์เกตเวย์ (Edge Getaway) ซึ่งช่วยลดความต้องการแบนด์วิธ (Bandwidth)
Cloud NVR มอบประโยชน์แบบเดิมทั้งหมดของบริการคลาวด์ รวมถึงการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่มีการจัดการสำหรับทีมไอที แอปพลิเคชันที่ปรับแต่งได้ การอัปเดตเทคโนโลยีล่าสุดเป็นประจำ และการเข้าถึงข้อมูลระยะไกลได้จากทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวัน
การเฝ้าระวังด้วยวิดีโอ (Video surveillance) มีมานานแล้ว นับตั้งแต่วันที่มีภาพกล้องวงจรปิดที่มีความละอียดต่ำ ซึ่งแทบจะไม่สามารถบอกได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะมี Cloud NVR ก็มีเครื่องบันทึกวิดีโอดิจิทัล (DVR)
DVRs เทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในการบันทึก และเล่นรายการทีวี เป็นระบบสายที่เชื่อมต่อกับกล้องแอนะล็อก (Analog) แม้ว่าปัจจุบันยังคงมีการใช้ระบบระบบรักษาความปลอดภัยบางระบบอยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัย เนื่องจาก DVR จำนวนมากใช้สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) และไม่รองรับการดูในระยะไกล ระบบ DVR มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า เพราะกล้องอะนาล็อกต้องการการเชื่อมต่อสองจุด หนึ่งจุดสำหรับพลังงาน และอีกจุดหนึ่งสำหรับข้อมูล ซึ่งจำกัดตำแหน่งกล้อง (นั่นคือเหตุผลที่กล้อง PoE/IP ใช้งานสะดวกกว่า เพราะต้องใช้สายเคเบิลเพียงเส้นเดียว)
จากนั้นระบบ NVR แบบดั้งเดิมก็มาถึง ซึ่งเป็นการยกระดับจากเครื่องบันทึกภาพ กล้องดีขึ้น และการเชื่อมต่อดีขึ้น แต่มันก็ยังมีปัญหาบางประการกับระบบ NVR แบบดั้งเดิม อย่างแรก NVR แบบเดิมจะเก็บภาพวิดีโอไว้ในฮาร์ดดิสก์แทนการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ หากมีการจัดการหลายไซต์ แต่ละไซต์ต้องมี NVR ของตัวเอง และในขณะที่ NVR แบบเดิม (หรือ "ในองค์กร") บางตัวอนุญาตให้คุณเข้าถึงฟุตเทจจากระยะไกล แต่อาจต้องลงชื่อเข้าใช้เครือข่ายของคุณผ่านเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เพื่อดูสตรีม ในทางตรงกันข้าม Cloud NVR ทำให้สามารถเข้าถึงฟุตเทจจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องใช้ VPN เพียงลงชื่อเข้าใช้แดชบอร์ดบนคลาวด์ และสตรีมกล้องของคุณพร้อมสำหรับการตรวจสอบ
NVR บนคลาวด์ มีข้อดีหลายอย่างที่แตกต่างจาก DVR และ NVR แบบดั้งเดิม
DVRs และ NVR แบบดั้งเดิม คุณต้องดูแลรักษาฮาร์ดไดรฟ์ เซิร์ฟเวอร์ สายเคเบิล และอื่นๆ ทีมไอที ยังต้องบำรุงรักษาการอัปเกรดซอฟต์แวร์ ส่วน Cloud NVR ไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษา และอัปเดตซอฟต์แวร์ แค่ฝ่ายไอทีต้องจัดการกล้องเท่านั้น
สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีเดิม DVRs ไม่อนุญาตให้เข้าถึงฟุตเทจจากระยะไกล NVR แบบดั้งเดิมอาจมีความสามารถในการเข้าถึงระยะไกล แต่มักจะผ่าน VPN เท่านั้น ส่วน Cloud NVR นั้นสามารถเข้าถึงสตรีมกล้อง และวิดีโอของคุณได้ทุกที่ทุกเวลาจากทุกอุปกรณ์
ทั้ง NVR และ DVR แบบเดิมนั้นจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่ค่อนข้างสูงสำหรับการติดตั้ง การตั้งค่า และความจุของพื้นที่จัดเก็บ หลังจากนั้นจะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่ต่ำกว่า และการบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อยสำหรับไอที ในส่วนของ บริการบนคลาวด์ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ทั้ง DVRs และโซลูชั่นรักษาความปลอดภัย NVR แบบดั้งเดิมนั้นยากต่อการปรับขนาด พวกเขาต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนในการบำรุงรักษา และเสี่ยงต่อการล้มเหลวหากฮาร์ดไดรฟ์ขัดข้อง นอกจากนี้ คุณไม่สามารถอัปเกรดให้เป็นกล้อง IP คุณภาพสูงด้วยระบบ DVR ได้ เนื่องจากระบบใช้งานได้กับกล้องแอนะล็อกเท่านั้น ส่วน Cloud NVR ช่วยให้คุณขยาย หรือปรับขนาดไปยังกล้องจำนวนมากขึ้น หรือหลายไซต์ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากโครงสร้างของระบบคลาวด์มีความยืดหยุ่น (flexible cloud architecture)
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่าง
DVR | TRADITIONAL NVR | CLOUD NVR | |
ประเภทของกล้อง | กล้อง Analog | กล้อง IP/PoE | กล้อง IP/PoE |
ความละเอียดภาพ | ความละเอียดสูงสุดที่ 720 x 480 พิกเซล | ความละเอียดมีตั้งแต่ 1.3 - 5 ล้านพิกเซล | ความละเอียดมีตั้งแต่ 1.3 - 5 ล้านพิกเซล |
สายเคเบิล | สายเคเบิลสำหรับกล้องอนาล็อก 2 เส้น (สายไฟ 1 เส้น สายโคแอกเซียล 1 เส้น) | 1 สาย Ethernet สำหรับกล้อง PoE | 1 สาย Ethernet สำหรับกล้อง PoE |
การเข้าถึงวีดีโอในระยะไกล | ไม่มี | มี (อาจผ่าน VPN) | มี (ไม่จำเป็นต้องใช้ VPN) เข้าถึงการสตรีมกล้องจากระยะไกลจากอุปกรณ์ใดก็ได้ |
พื้นที่จัดเก็บ | ความจุคงที่ - จัดเก็บที่ฮาร์ดไดรฟ์, ที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ | ความจุคงที่ - จัดเก้บที่ฮาร์ดไดรฟ์, ที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่, ไฮบริดคลาวด์ | ความจุที่ยืดหยุ่นได้ - การจัดเก็บคลาวด์ |
การปรับขนาด | ถูกจำกัด - ไม่สามารถอัพเกรดเป็นกล้อง IP - โครงสร้างพื้นฐานมีความซับซ้อน - ฮาร์ดแวร์ และส่วนประกอบที่มากขึ้นหมายถึงจุดที่ความขัดข้องของระบบก็มีมากขึ้น - โอกาสในการผสานรวมที่น้อยลง | แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานจะไม่ซับซ้อนเท่าระบบ DVR อาจเป็นเรื่องยากในการปรับขนาด - การติดตั้งกล้อง มีจำนวนจำกัด - ฮาร์ดแวร์ และส่วนประกอบที่เพิ่มขึ้นหมายถึงจุดที่ความขัดข้องของระบบกก็มีมากขึ้น | ยืดหยุ่นได้ - โครงสร้างของคลาวด์ช่วยให้การทำงานรวมกันเป็นไปอย่างราบรื่น - สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ได้ |
ราคา | ระบบมีราคาถูกที่สุด เนื่องจากเป็นตัวเลือกเดิม | ระบบมีราคาสูง และต้องมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่สูงขึ้น เช่น DVR ค่าบำรุงรักษาเพิ่มเติม | Affordable and cost-efficient solution. Low upfront costs. Low maintenance for IT means lower cost over time and greater ROI. โซลูชันราคาไม่แพง คุ้มค่า และค่าใช้จ่ายล่วงหน้าราคาไม่สูง การบำรุงรักษาน้อยมากสำหรับ IT หมายถึงต้นทุนที่ลดลง เมื่อเวลาผ่านไปและ ROI ที่มากขึ้น |
ที่มา : samsara.com