Skip to Content

Edge Cloud คืออะไร

Edge Cloud คืออะไร

Edge Cloud คือการประมวลผลแบบคลาวด์ที่เกิดขึ้นที่ edge ของ network ทรัพยากรคลาวด์ (Cloud resources) จะถูกย้ายเข้าไปใกล้กับตำแหน่งที่สร้างข้อมูลและผู้ใช้ปลายทาง (end-user) ตั้งอยู่ แทนที่จะส่งข้อมูลกลับไปยัง central data center หรือ private cloud เพื่อการประมวลผล 

เป้าหมายของ Edge Cloud คือการลดเวลาแฝงของข้อมูล (reduce data latency) และรักษาความพร้อมใช้งานสูง(maintain high availability) โดยการใช้บริการคลาวด์ในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ (strategic locations)

“Edge” ของเครือข่าย (Network) หมายถึงองค์ประกอบของโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย (network infrastructure) ที่อยู่ห่างจากแกนหลักมากที่สุด เป็นจุดที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน เซ็นเซอร์ อุปกรณ์ IoT ฯลฯ และบริการคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Edge หมายถึงสถานที่ที่มีการสร้างหรือใช้ข้อมูล การประมวลผลแบบ Edgeอธิบายกระบวนการในการนำองค์ประกอบการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลเข้ามาใกล้กับขอบเครือข่ายมากขึ้น และเอดจ์คลาวด์ก้าวไปอีกขั้นและใช้สถาปัตยกรรมคลาวด์สำหรับกระบวนการเดียวกันนั้น

ทำไมต้อง Edge Cloud

Edge Cloud เป็นส่วนเสริมของโครงสร้างพื้นฐานแบบ Hybrid หรือ Multi-Cloud ซึ่งถูกใช้ในที่มี low-latency ต้องการความพร้อมใช้งานสูง หรือประมวลผลแบบเรียลไทม์ 

นอกจากความปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์แล้ว Edge Cloud ยังช่วยลดระยะทางที่ข้อมูลต้องเดินทาง นำไปสู่การตอบสนองด้วยความเร็วสูง 

แนวคิดเรื่อง Edge Cloud กลายเป็นส่วนขยายตามธรรมชาติของการประมวลผลแบบคลาวด์ โดยจะจัดการกับความท้าทายเฉพาะที่เกิดจากInternet of Things (IoT) ที่กำลังเติบโต รวมถึงแอปพลิเคชันการประมวลผล Edge อื่นๆ

ประโยชน์ของ Edge Cloud

การเพิ่มประสิทธิภาพแบนด์วิธ (Bandwidth optimization)

ช่วยลดความจำเป็นในการส่งข้อมูลอย่างต่อเนื่องไปยังเซิร์ฟเวอร์คลาวด์แบบรวมศูนย์ ลดการใช้เครือข่าย และต้นทุนการถ่ายโอนข้อมูล

ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Security and data privacy)

Edge cloud อนุญาตให้ประมวลผลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนในเครื่อง ลดปริมาณข้อมูลที่ส่งในระบบคลาวด์ และลดโอกาสเสี่ยงต่อภัยคุกคาม

ความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับขนาด (Flexibility and scalability)

องค์กรสามารถรัน (run) modern apps built บน containers หรือแอปที่มีอยู่โดยใช้ virtual machines ทั้งหมดนี้บนแพลตฟอร์มเดียว (single platform) ด้วย Edge Cloud สามารถปรับขนาดแอปพลิเคชันในแนวนอนได้อย่างง่ายดาย

แพลตฟอร์มแบบเปิด (Open platform)

Edge Cloud บางตัวสามารถทำงานร่วมกับ multiple clouds และ ISV หลายตัวได้ ทำให้มีตัวเลือกทั้งฮาร์ดแวร์ และแอปพลิเคชัน และลดการผูกมัดของผู้ขาย

อุตสาหกรรม และแอปพลิเคชันเพิ่มเติมสำหรับ Edge Cloud 

แอปพลิเคชันและการปรับใช้ IoT

Edge Cloud ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลนี้ในเครื่องได้ ทำให้เกิดข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์

การเปิดตัวเครือข่าย 5G

Edge Cloud ช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้นและมีเวลาแฝงน้อยลง ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลที่ Edge ได้มากขึ้น Edge และ 5G เป็นส่วนเสริมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันและอนุญาตให้ประมวลผลข้อมูลจำนวนมากแบบเรียลไทม์ 5G มีศักยภาพในการเข้าถึงความเร็วเครือข่ายได้เร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า แต่ 5G อาจต้องอาศัย Edge ในการจัดเก็บข้อมูลภายในเครื่องวิธีนี้จะปรับปรุงแบนด์วิดท์โดยการหลีกเลี่ยงการโต้ตอบกับคลาวด์แบบรวมศูนย์

บริการแบบเรียลไทม์และการประมวลผลที่ใกล้เคียงเรียลไทม์

เมื่อความล่าช้าแม้แต่มิลลิวินาทีสามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประสบการณ์ผู้ใช้


ที่มา : vmware.com