Skip to Content

มาทำความรู้จัก RTO และRPO

ทำความรู้จัก RPO และ RTO หัวใจของการกู้คืนระบบและความต่อเนื่องทางธุรกิจ

ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่ข้อมูลและระบบไอทีคือหัวใจสำคัญ การเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างข้อมูลเสียหายหรือระบบล่มเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง RPO (Recovery Point Objective) และ RTO (Recovery Time Objective) คือสองมาตรวัดหลักที่ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนการกู้คืนข้อมูลและระบบได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และเหมาะสมที่สุด

RTO (Recovery Time Objective): ระยะเวลาฟื้นตัวของระบบ

RTO คือ ระยะเวลาสูงสุดที่ยอมรับได้ในการกู้คืนระบบ คอมพิวเตอร์ เครือข่าย หรือแอปพลิเคชันให้กลับมาทำงานได้เป็นปกติหลังเกิดเหตุขัดข้องหรือภัยพิบัติ พูดง่ายๆ คือ ระบบของคุณจะหยุดทำงานได้นานแค่ไหน ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างรุนแรง

  • หน่วยวัด: RTO สามารถวัดได้เป็นวินาที, นาที, ชั่วโมง หรือวัน ขึ้นอยู่กับความสำคัญของระบบนั้นๆ
  • ความสำคัญ: การกำหนด RTO ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนการกู้คืนระบบหลังเกิดภัยพิบัติ (Disaster Recovery Planning) เพราะยิ่ง RTO สั้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการเทคโนโลยีและกระบวนการที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเท่านั้น
  • ตัวอย่าง: หากองค์กรกำหนด RTO ไว้ที่ 2 ชั่วโมง หมายความว่าเมื่อเกิดเหตุขัดข้อง ระบบจะต้องกลับมาทำงานได้ภายใน 2 ชั่วโมง หากในสถานการณ์จริงใช้เวลานานกว่านั้น องค์กรจำเป็นต้องทบทวนการคำนวณ RTO หรือปรับปรุงแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การใช้งานในองค์กร: ค่า RTO มักจะถูกกำหนดโดยผู้บริหารระดับสูงและนำไปใช้โดยฝ่ายไอที โดยต้องพิจารณาความสมดุลระหว่างความต้องการทางธุรกิจกับต้นทุนที่เกี่ยวข้องในการจัดหาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์พิเศษเพื่อให้บรรลุ RTO ที่สั้นลง

RPO (Recovery Point Objective): ข้อมูลหายไปได้มากแค่ไหน

RPO คือ ระยะเวลาสูงสุดที่ยอมรับได้ในการสูญเสียข้อมูล หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ องค์กรยอมให้ข้อมูลที่บันทึกไว้ในระบบเสียหายไปได้มากที่สุดแค่ไหนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ล้มเหลวของระบบ

  • หน่วยวัด: RPO ก็สามารถระบุได้เป็นวินาที, นาที, ชั่วโมง หรือวัน เช่นกัน
  • ความสำคัญ: RPO เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนด ความถี่ในการสำรองข้อมูล ยิ่ง RPO สั้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องสำรองข้อมูลบ่อยขึ้นเท่านั้น เพื่อลดปริมาณข้อมูลที่อาจสูญเสียไป
  • ตัวอย่าง: หากคุณสำรองข้อมูลเพียงวันละครั้งตอนเที่ยงคืน และระบบล่มตอน 8.00 น. คุณจะสูญเสียข้อมูลไป 8 ชั่วโมง
    • ถ้า RPO ของคุณคือ 24 ชั่วโมงขึ้นไป ถือว่ายอมรับได้
    • แต่ถ้า RPO ของคุณคือ 4 ชั่วโมง การสำรองข้อมูลเพียงวันละครั้งจะไม่เพียงพอ คุณจะต้องเพิ่มความถี่ในการสำรองข้อมูลให้บ่อยขึ้น เช่น ทุก 3 ชั่วโมง
  • การประยุกต์ใช้: การระบุ RPO ที่เหมาะสมสำหรับคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่าย จะเป็นตัวกำหนดความถี่ขั้นต่ำที่องค์กรต้องมีการสำรองข้อมูล

RTO และ RPO: พื้นฐานสู่แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ

ทั้งปริมาณข้อมูลที่สูญหายได้ในเวลาที่ยอมรับได้ (RPO) และเวลาที่ยอมรับได้ในการกู้คืนระบบ (RTO) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถ เลือกเทคโนโลยีและกระบวนการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการกู้คืนระบบหลังเกิดภัยพิบัติ

RTO และ RPO ถือเป็นรากฐานสำคัญในการระบุและวิเคราะห์กลยุทธ์ต่างๆ ใน แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน เทคโนโลยีการ Replication (การจำลองข้อมูล) ไปยังไซต์ภายนอก (Off-site Replication) ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถให้ค่า RPO ที่ต่ำได้มาก ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราการเปลี่ยนแปลงข้อมูล (Data Change), แบนด์วิดท์ (Bandwidth) และเทคนิคที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น Synchronous หรือ Asynchronous Replication ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการบรรลุเป้าหมาย RPO/RTO ที่เข้มงวดมากขึ้น