Skip to Content

เซิร์ฟเวอร์คืออะไร และมีกี่ประเภท

เซิร์ฟเวอร์คืออะไร

เซิร์ฟเวอร์ (Server) คือระบบคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้บริการและจัดการทรัพยากรต่างๆ ให้กับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ในเครือข่าย พูดง่ายๆ คือเป็น "ผู้ให้บริการ" ที่พร้อมจะตอบสนองคำขอและอำนวยความสะดวกในการใช้งานข้อมูลและแอปพลิเคชัน เซิร์ฟเวอร์สามารถทำหน้าที่ได้หลากหลาย เช่น การจัดเก็บข้อมูล, การประมวลผลคำสั่ง, การส่งข้อมูล, และการจัดการทรัพยากรร่วมกันภายในระบบเครือข่าย

ประเภทของเซิร์ฟเวอร์

ในโลกดิจิทัลปัจจุบัน เซิร์ฟเวอร์มีหลากหลายประเภทที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1. เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server)

  • การใช้งาน: เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันเว็บ ทำหน้าที่รับคำขอจากเว็บเบราว์เซอร์ของผู้ใช้งาน และส่งหน้าเว็บหรือข้อมูลกลับไปให้แสดงผล
  • ตัวอย่าง: Apache HTTP Server, Nginx, Microsoft IIS

2. ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ (File Server)

  • การใช้งานจัดเก็บและจัดการไฟล์ข้อมูลส่วนกลาง ทำให้ผู้ใช้งานในองค์กรสามารถแชร์, อัปโหลด, ดาวน์โหลด, และจัดการไฟล์ร่วมกันได้อย่างสะดวก
  • ตัวอย่างWindows Server (พร้อมบริการ File Services), Samba (สำหรับ Linux/Unix)

3. ฐานข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ (Database Server)

  • การใช้งานทำหน้าที่จัดเก็บ, จัดการ, และให้บริการฐานข้อมูลที่มีโครงสร้าง ทำให้แอปพลิเคชันต่างๆ สามารถเรียกใช้และประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • ตัวอย่างMySQL, PostgreSQL, Microsoft SQL Server, Oracle Database

4. เมลเซิร์ฟเวอร์ (Mail Server)

  • การใช้งาน: จัดการกระบวนการส่ง และรับอีเมลทั้งหมด ตั้งแต่การเก็บกล่องจดหมายของผู้ใช้ ไปจนถึงการสื่อสารกับเมลเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ทั่วโลก
  • ตัวอย่าง: Microsoft Exchange Server, Postfix, Sendmail

5. แอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ (Application Server)

  • การใช้งาน: เป็นแพลตฟอร์มสำหรับรันแอปพลิเคชันที่ซับซ้อน หรือแอปพลิเคชันระดับองค์กร โดยจะให้บริการแก่ผู้ใช้งานหรือไคลเอนต์ที่เชื่อมต่อเข้ามา
  • ตัวอย่าง: Apache Tomcat (สำหรับ Java), Node.js, Microsoft .NET (IIS เป็นส่วนหนึ่ง)

6. พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ (Proxy Server)

  • การใช้งาน:ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้งานกับอินเทอร์เน็ต ช่วยเพิ่มความปลอดภัย, ซ่อน IP Address, และสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยการแคชข้อมูล 
  • ตัวอย่าง: Squid, Nginx (สามารถตั้งค่าเป็น Reverse Proxy ได้), HAProxy

7. เกมเซิร์ฟเวอร์ (Game Server)

  • การใช้งาน: โฮสต์เกมออนไลน์และจัดการการเชื่อมต่อระหว่างผู้เล่นหลายคน เพื่อให้ผู้เล่นสามารถโต้ตอบกันในสภาพแวดล้อมของเกมได้แบบเรียลไทม์
  • ตัวอย่าง: เซิร์ฟเวอร์เฉพาะของเกมต่างๆ (เช่น Minecraft Server, Counter-Strike 2 Server)

8. DNS เซิร์ฟเวอร์ (DNS Server)

  • การใช้งานเป็นเสมือนสมุดโทรศัพท์ของอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่แปลงชื่อโดเมนที่มนุษย์อ่านเข้าใจ (เช่น https://www.google.com/search?q=google.com) ให้เป็นที่อยู่ IP (เช่น 172.217.160.142) ที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการระบุตำแหน่ง
  • ตัวอย่าง: BIND, Microsoft DNS Server

9. FTP เซิร์ฟเวอร์ (FTP Server)

  • การใช้งานช่วยให้การรับส่งไฟล์ขนาดใหญ่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพผ่านโปรโตคอล FTP (File Transfer Protocol) ผู้ใช้สามารถอัปโหลดและดาวน์โหลดไฟล์ได้อย่างสะดวก
  • ตัวอย่าง: FileZilla Server, vsftpd

10. เซิร์ฟเวอร์เสมือน (Virtual Server)

  • การใช้งานเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกสร้างขึ้นบนฮาร์ดแวร์จริงผ่านเทคโนโลยี Virtualization ช่วยให้สามารถรันหลายระบบปฏิบัติการหรือแอปพลิเคชันแยกกันบนเซิร์ฟเวอร์ฮาร์ดแวร์เครื่องเดียว ทำให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและยืดหยุ่น
  • ตัวอย่างเทคโนโลยี: VMware ESXi, Microsoft Hyper-V, KVM

11. เซิร์ฟเวอร์ทางกายภาพ (Physical Servers)  

  • การใช้งาน: หมายถึงตัวเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นฮาร์ดแวร์จริง แบ่งออกเป็นหลายรูปแบบตามการออกแบบและพื้นที่ติดตั้ง:
    • Tower Servers: มีลักษณะคล้ายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั่วไป เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
    • Rack Servers: ออกแบบมาเพื่อติดตั้งในตู้ Rack ขนาดมาตรฐาน ประหยัดพื้นที่ใน Data Center
    • Blade Servers: เป็นเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กที่รวมกันอยู่ใน Blade Enclosure เดียว ประหยัดพลังงานและพื้นที่อย่างมาก เหมาะสำหรับ Data Center ขนาดใหญ่
    • Mainframes: เซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่พิเศษที่มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือสูงมาก มักใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร หรือรัฐบาล สำหรับงานประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล

ทีมการตลาด เคิร์ซ